4 เทคนิคเลือกทำเล ลงทุนอสังหาริมทรัพย์

ลงทุนมาก เพื่อผลกำไรที่มากกว่า…
นี่อาจเป็นความในใจของนักลงทุนหลายคน ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง สำหรับผู้เชี่ยวชาญมองแค่แวบเดียวก็รู้ว่าต้องเลือกทำเลแบบไหน แต่สำหรับมือใหม่นอกจากจะต้องศึกษาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนแล้ว อาจจะยังกังวลว่าผลตอบแทนจะคุ้มกับเงินที่ทุ่มไปหรือเปล่า
 
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เป็นตัวกำหนดผลตอบแทนจากการลงทุนคงไม่พ้นเรื่องของ “ทำเล” เพราะนอกจากจะบอกถึงความต้องการที่อยู่อาศัยของลูกค้าในพื้นที่นั้น ๆ แล้ว ยังเป็นตัวการันตีผลกำไรในระยะยาวในการลงทุนอีกด้วย แต่การที่จะเข้าถึงทำเลดี ๆ ก็ต้องแลกมาด้วยต้นทุนที่สูงกว่าทำเลทั่ว ๆ ไป
 
โดยเฉพาะใจกลางเมืองที่มีการอาศัยอยู่ค่อนข้างหนาแน่น และมีความต้องการที่พักอาศัยในระยะยาวค่อนข้างมาก ยิ่งความต้องการที่พักอาศัยมากขึ้นเท่าไรก็เท่ากับว่าโอกาสในการลงทุนและการสร้างผลกำไรก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทรัพย์บางแห่งแม้จะมีราคาซื้อขายกันสูงขนาดไหน แต่ก็ไม่วายมีนักลงทุนเข้าไปจับจองทำการซื้อขายอยู่ดี เพราะมองเห็นโอกาสในการเติบโตที่มากกว่าด้วยความเชื่อที่ว่า “ลงทุนมากเพื่อผลกำไรที่มากกว่า” นั่นเอง
คลิกที่รูปภาพเพื่ออ่านรายละเอียด
เรียนหลักสูตรอสังหาฯ แบบบุฟเฟต์
แล้วทำเลแบบไหนล่ะที่จะสร้างกำไรให้นักลงทุน แบบที่เรียกได้ว่า “คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม”
1. ใกล้รถไฟฟ้า
สำหรับพื้นที่ทำเลใจกลางเมืองแล้วนั้น แม้ว่าการคมนาคมจะเข้าถึงทุกพื้นที่แต่การจราจรที่ติดขัดก็ยังเป็นปัญหาใหญ่ เพียงแค่ถนนเส้นหลักอาจจะไม่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตสักเท่าไร โดยเฉพาะในพื้นที่ของกรุงเทพฯดังนั้นการเลือกลงทุนในทำเลที่ใกล้รถไฟฟ้า จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในแง่ของการอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางให้กับผู้ที่ต้องเข้าไปพักอาศัยอยูในละแวกนั้น โดยส่วนใหญ่แล้วจะเห็นได้ว่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายรายก็มักจะจูงใจด้วยวลีเด็ดติดปากที่ว่า “บ้านห่างจากสถานีรถไฟฟ้าเพียงแค่…”
2. ใกล้ริมแม่น้ำ
เชื่อว่าผู้พักอาศัยอยู่ในเมืองก็คงไม่ได้ต้องการแค่ความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตในบ้านของตัวเองเพียงอย่างเดียวแน่นอน เพราะเมื่อไรก็ตามที่ตัดสินใจซื้อบ้านสักหลัง ก็มักจะเลือกประกอบกับสภาพแวดล้อมดี ๆ ด้วย

โดยทั่วไปแล้วทำเลที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ ก็มักจะเป็นละแวกริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เป็นชุมชนเก่า ซึ่งสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ก็มักจะเป็นตึกแถวมีการค้าขายที่ค่อนข้างหลากหลาย โดยเฉพาะในเรื่องของอาหารการกิน เมื่อสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ทั้งเรื่องของการเดินทางและการอยู่อาศัย ถูกควบรวมไว้ด้วยกันทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่นั้น ๆ ยังคงเป็นที่ต้องการเสมอ
 
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแม้ว่าจะเป็นชุมชนเก่า รวมถึงสิ่งปลูกสร้างที่มีอายุมากแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วยอย่างแน่นอนก็คือมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ โดยที่ความเก่าของทรัพย์นั้นไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าราคาจะต่ำลง เพราะราคาของที่ดินยังเป็นสิ่งที่ดึงราคาให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ ได้มากกว่า อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะราคาสูงมากแค่ไหน แต่เมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่จะได้รับแล้วนั้น คงไม่มีพื้นที่ไหนที่จะเหมาะสำหรับการลงทุนไปมากกว่านี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในระยะสั้นหรือระยะยาวก็ตาม
คลิกที่รูปภาพเพื่ออ่านรายละเอียด
เรียนหลักสูตรอสังหาฯ แบบบุฟเฟต์
3. ใกล้ห้างสรรพสินค้า
หากลองสังเกตดูจะเห็นได้ว่าบ้านหรือชุมชนในเมืองส่วนใหญ่ มักจะมีทำเลที่ตั้งใกล้กับแหล่งอำนวยความสะดวกหรือห้างสรรพสินค้า ซึ่งปัจจัยเสริมเหล่านี้ต่างก็ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้พักอาศัยที่ต้องการความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตมากขึ้น โดยเฉพาะในย่านชุมชนที่ติดกับแหล่งการค้าขนาดใหญ่ เช่น ตลาดนัดกลางกรุง ทั้งที่เป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ที่หลายต่อหลายคนอยากหลีกเลี่ยง

แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีคนอีกหลายกลุ่มที่ต้องการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของคนที่อาศัยอยู่ในชุมชนเหล่านั้น เนื่องจากการอำนวยความสะดวกในเรื่องการใช้ชีวิตนั้นง่ายกว่า โดยเฉพาะในเรื่องของอาหารการกิน ซึ่งถือเป็นประเด็นหลัก ๆ ที่หลายคนยกขึ้นมาเป็นปัจจัยอันดับต้น ๆ ในการตัดสินใจรองลงมาจากตัวบ้านเลยก็ว่าได้ อีกทั้งการเข้าไปอยู่ใกล้ ๆ กับห้างสรรพสินค้าที่เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการหาบ้านเช่นเดียวกัน
4. พื้นที่ในแผนพัฒนา
ขึ้นชื่อว่าเป็นการพัฒนา นั่นก็หมายความว่าเป็นการนำมาซึ่งความสะดวกสบายให้แก่คนในพื้นที่ โดยเฉพาะการคมนาคมขนส่งหลัก ๆ อย่างรถไฟฟ้าและทางด่วนที่เชื่อมต่อระหว่างเมือง ถ้าต้องพูดถึงทรัพย์ในพื้นที่ที่มีราคาไม่สูงจนกระเป๋าฉีก หรือไม่ต่ำจนเสี่ยงขายไม่ออกก็คงเป็นพื้นที่ในแผนการพัฒนานี้เอง

โดยประชากรบางส่วนหรือเรียกได้ว่าเป็นส่วนใหญ่ ที่ไม่สามารถเข้าถึงทรัพย์ในย่านใจกลางเมืองได้ด้วยสาเหตุของมูลค่าการซื้อขายที่สูงลิบลิ่ว ทำให้เริ่มมองหาที่อยู่อาศัยในพื้นที่ที่กำลังอยู่ในช่วงของการพัฒนาเพิ่มมากขึ้น โดยมีปัจจัยหลักมาจากการที่พวกเขาเล็งเห็นว่าความสะดวกสบายที่สามารถส่งตรงมาถึงพวกเขาได้ แม้ว่าจะยังไม่ถูกสร้างขึ้นมาก็ตาม
เช่น ที่ดินในย่านมีนบุรีที่เป็นพื้นที่ชานเมือง ถ้าหากเปรียบเทียบกับที่ดินในย่านกลางกรุง ราคาและมูลค่าสินทรัพย์คงต่างกันลิบลับ แต่ข้อได้เปรียบของที่ดินในย่านนี้ก็คือ มีมูลค่าถูกกว่าและเหมาะสำหรับการลงทุนมากกว่า โดยเฉพาะการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนบ้านโครงการหรือว่าบ้านมือสองก็ตาม โดยการคมนาคมขนส่งหลัก ๆ ที่เข้ามาช่วยในการอำนวยความสะดวกให้กับคนในพื้นที่ก็คือรถตู้และรถโดยสารประจำทาง ส่วนแผนในการพัฒนาในอนาคตก็คือรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสายสีส้มที่เชื่อมต่อการเดินทางเข้าสู่พื้นที่ใจกลางเมืองนั่นเอง

ด้วยเหตุนี้ที่ดินในเขตพื้นที่ในแผนการพัฒนา จึงมีโอกาสที่จะกลายเป็นพื้นที่ในความต้องการหลักของผู้คนจำนวนมาก ทั้งเพื่อการอยู่อาศัยและเพื่อการลงทุนในอนาคตก็ด้วย
. . .
อย่างไรก็ตาม การลงทุนบ้านมือสองในทำเลใจกลางเมือง ก็ยังถือว่ามีมูลค่าสูงมากทีเดียว เมื่อเทียบกับการลงทุนในแถบนอกเมืองหรือในต่างจังหวัด การลงทุนในพื้นที่เหล่านี้อาจจะต้องอาศัยทั้งความพร้อมในด้านความรู้เกี่ยวกับการลงทุน และความพร้อมในด้านทุนทรัพย์ที่จะเข้ามาสนับสนุนการดำเนินงานให้ประสบความสำเร็จ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า “ยิ่งทรัพย์สินมีมูลค่าสูงมากเท่าไร ความเสี่ยงก็ยิ่งมีมากเท่านั้น” นั่นเอง
คลิกที่รูปภาพเพื่ออ่านรายละเอียด
เรียนหลักสูตรอสังหาฯ แบบบุฟเฟต์