
เจ๊นุช สาวบางเตย จากหนี้สินกว่า 2 ล้าน พลิกชีวิตด้วยการไลฟ์สดขายของ
พื้นหลังชีวิตคนเราไม่มีใครเหมือนกัน บางคนเกิดมาในครอบครัวมีฐานะ ไม่ต้องออกไปดิ้นรนหาเงินก็ใช้ชีวิตได้สบาย ๆ โดยที่ไม่ต้องกังวลหน้ากังวลหลัง แต่บางคนก็เกิดมาในพื้นหลังที่ไม่สวยเหมือนคนอื่น ต้องออกมาดิ้นรนอย่างหนักเพื่อให้วันถัดไปได้มีอะไรลงท้อง เหมือนใช้ชีวิตอยู่บนเส้นด้ายตลอดเวลา
เพราะชีวิตคนเราเลือกเกิดไม่ได้เลยต้องออกมาดิ้นรนให้มันรู้แล้วรู้รอด ในบทความนี้ ขอเสนอชีวิตของแม่ค้าออนไลน์คนหนึ่งที่สู้ชีวิต ดิ้นจนประสบความสำเร็จ และทำให้เราได้เรียนรู้ว่า ความพยายามทำให้ความสำเร็จเกิดขึ้นได้เสมอ
เพราะชีวิตคนเราเลือกเกิดไม่ได้เลยต้องออกมาดิ้นรนให้มันรู้แล้วรู้รอด ในบทความนี้ ขอเสนอชีวิตของแม่ค้าออนไลน์คนหนึ่งที่สู้ชีวิต ดิ้นจนประสบความสำเร็จ และทำให้เราได้เรียนรู้ว่า ความพยายามทำให้ความสำเร็จเกิดขึ้นได้เสมอ

คุณณปภัช เขจรรักษ์ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า “เจ๊นุช” เกิดที่จังหวัดกาญจนบุรี ชีวิตเจ๊นุชเริ่มต้นด้วยความไม่สมบูรณ์แบบตั้งแต่แรกเกิด
คุณแม่ของเขาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว สมัยเด็ก ๆ แม่เจ๊นุชเป็นกรรมกร เป็นแรงงาน อยู่บ้านสังกะสี บ้างก็เก็บขยะขาย ชีวิตค่อนข้างลำบากเพราะความยากจน หากจะให้อธิบายว่าความจนที่เจ๊นุชต้องเจอมีรสชาติอย่างไร หากเราต้องใช้น้ำคลองผสมสารส้มเพื่อเอาน้ำนั้นมาอาบ ใช้นิ้วเป็นแปรงสีฟัน ใช้เกลือเป็นยาสีฟัน บางครั้งก็ไม่มีจะกินจนต้องเก็บข้าวในถังขยะมากิน รู้แค่นี้ก็คงเข้าใจแล้วว่ารสชาติของความยากจนเป็นอย่างไร แค่เดินผ่านถังขยะที่กำลังล้น ได้กลิ่นนิด ๆ ก็อยากจะเดินหนีแล้ว
จากความยากลำบาก คุณแม่ของเจ๊นุชได้โยกย้ายเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ โดยเปลี่ยนอาชีพตัวเองเป็นแม่บ้าน มีเงินเจียดใช้ต่อเดือน 3,000-5,000 บาท เจ๊นุชก็ช่วยแม่ทำงานโดยการหัดเย็บผ้า หัดพับผ้า เพราะแม่ได้ทำงานเป็นแม่บ้านในโรงงานผลิตชุด ผลิตเสื้อผ้า ด้วยความที่โตมาในสภาพแวดล้อมแบบนั้น หลายคนดูถูกแม่และเจ๊นุช ว่าโตไปก็คงทำอาชีพเดียวกัน ไม่พ้นการเป็นแม่บ้านหรอก…
คุณแม่ของเขาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว สมัยเด็ก ๆ แม่เจ๊นุชเป็นกรรมกร เป็นแรงงาน อยู่บ้านสังกะสี บ้างก็เก็บขยะขาย ชีวิตค่อนข้างลำบากเพราะความยากจน หากจะให้อธิบายว่าความจนที่เจ๊นุชต้องเจอมีรสชาติอย่างไร หากเราต้องใช้น้ำคลองผสมสารส้มเพื่อเอาน้ำนั้นมาอาบ ใช้นิ้วเป็นแปรงสีฟัน ใช้เกลือเป็นยาสีฟัน บางครั้งก็ไม่มีจะกินจนต้องเก็บข้าวในถังขยะมากิน รู้แค่นี้ก็คงเข้าใจแล้วว่ารสชาติของความยากจนเป็นอย่างไร แค่เดินผ่านถังขยะที่กำลังล้น ได้กลิ่นนิด ๆ ก็อยากจะเดินหนีแล้ว
จากความยากลำบาก คุณแม่ของเจ๊นุชได้โยกย้ายเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ โดยเปลี่ยนอาชีพตัวเองเป็นแม่บ้าน มีเงินเจียดใช้ต่อเดือน 3,000-5,000 บาท เจ๊นุชก็ช่วยแม่ทำงานโดยการหัดเย็บผ้า หัดพับผ้า เพราะแม่ได้ทำงานเป็นแม่บ้านในโรงงานผลิตชุด ผลิตเสื้อผ้า ด้วยความที่โตมาในสภาพแวดล้อมแบบนั้น หลายคนดูถูกแม่และเจ๊นุช ว่าโตไปก็คงทำอาชีพเดียวกัน ไม่พ้นการเป็นแม่บ้านหรอก…
ความพยายามของแม่อย่างหนึ่งคือการทำเพื่อลูก ไม่ว่ามันจะหนักหนาสาหัสแค่ไหน จนเจ๊นุชได้โอกาสไปเรียนเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรบุคคล เพราะคิดว่าการทำงานด้านนี้เงินเดือนดี สบาย นั่งทำงานอยู่หน้าคอม ในสมัยเรียน เจ๊นุชก็เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย บริษัทที่แม่ทำงานอยู่เปิดรับพาร์ทไทม์ เจ๊นุชเลยไปทำ หลังเลิกงานก็ไปเรียนต่อในแบบภาคค่ำ
หลังจากที่เจ๊นุชเรียนจบ ก็ได้เข้าทำงานฝ่ายบุคคล ชีวิตเหมือนกำลังจะเข้าฝัก แต่ก็พบกับความจริงว่าเงินเดือนที่หวังไว้ว่าจะเยอะ มันไม่ได้เยอะขนาดนั้นโดยเริ่มต้นที่ 7,000 บาท เท่านั้น แต่พออายุงานเริ่มเยอะ เงินเดือนก็ขยับขึ้นไปเป็น 8,000-9,000 บาท เมื่อชีวิตเริ่มจับทิศจับทางได้ เจ๊นุชก็มีลูก เชื่อว่าพ่อแม่หลายคนที่ลำบากนั้น เมื่อลูกเกิดมาก็ไม่อยากให้เขาต้องมีชีวิตที่ลำบากเหมือนกับเรา เจ๊นุชเลยตัดสินใจไปสมัครบัตรเครดิตทุกธนาคาร และผลของการเอาเงินอนาคตมาใช้โดยไม่ได้คิดไตร่ตรองให้ดี เวียนใช้บัตรไปเรื่อย เมื่อดอกเบี้ยขึ้น ทำให้เจ๊นุชกลายเป็นคนมีหนี้กว่า 2 ล้าน และแล้ว ชีวิตก็เวียนมาถึงจุดตกต่ำที่สุด…
หลังจากที่เจ๊นุชเรียนจบ ก็ได้เข้าทำงานฝ่ายบุคคล ชีวิตเหมือนกำลังจะเข้าฝัก แต่ก็พบกับความจริงว่าเงินเดือนที่หวังไว้ว่าจะเยอะ มันไม่ได้เยอะขนาดนั้นโดยเริ่มต้นที่ 7,000 บาท เท่านั้น แต่พออายุงานเริ่มเยอะ เงินเดือนก็ขยับขึ้นไปเป็น 8,000-9,000 บาท เมื่อชีวิตเริ่มจับทิศจับทางได้ เจ๊นุชก็มีลูก เชื่อว่าพ่อแม่หลายคนที่ลำบากนั้น เมื่อลูกเกิดมาก็ไม่อยากให้เขาต้องมีชีวิตที่ลำบากเหมือนกับเรา เจ๊นุชเลยตัดสินใจไปสมัครบัตรเครดิตทุกธนาคาร และผลของการเอาเงินอนาคตมาใช้โดยไม่ได้คิดไตร่ตรองให้ดี เวียนใช้บัตรไปเรื่อย เมื่อดอกเบี้ยขึ้น ทำให้เจ๊นุชกลายเป็นคนมีหนี้กว่า 2 ล้าน และแล้ว ชีวิตก็เวียนมาถึงจุดตกต่ำที่สุด…
หนี้ที่ว่าก็เป็นหนี้นอกระบบ มีคนมาตามหนี้ถึงหน้าบริษัทที่ตัวเองทำงานอยู่ เพื่อนร่วมงานหลายคนมองเจ๊นุชด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม ยังไม่พอ เมื่อเจ้าหนี้ไม่หยุดแค่กับตัวเจ๊นุช ไปตามทวงหนี้ถึงสามี
ด้วยความที่เจ๊นุชเป็นห่วงครอบครัว ไม่อยากให้ครอบครัวต้องมาลำบากเพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาดของตัวเอง ความห่วงที่ว่า ได้กลายเป็นการตัดสินใจขอสามีหย่า เจ๊นุชไม่ได้มีคนอื่น มีแต่ความเป็นห่วงครอบครัวทั้งนั้น เจ๊นุชขอให้เลี้ยงดูลูกดี ๆ ด้วยความที่สามีเป็นครูก็สามารถหาเลี้ยงลูกได้ดีกว่าคนที่มีหนี้ท่วมตัวอยู่แล้ว ความอับอาย คำดูถูก การที่ต้องออกมาอยู่คนเดียว ความเสียใจที่ทำให้แม่ต้องร้องไห้เมื่อแม่ต้องไปกู้ยืมเงินเจ้านายมาใช้หนี้บัตรเครดิตบางใบที่ยังมีหนี้อยู่ สิ่งเหล่านี้กลายเป็นเหมือนระเบิดหลาย ๆ ลูกรวมเข้าด้วยกันและพร้อมที่จะระเบิดอยู่ตลอดเวลา จนเจ๊นุชมีความคิดที่จะจบชีวิตตัวเอง…
แต่อะไรบางอย่างก็ได้มาจุดประกายความหวังให้กับเจ๊นุชได้พยายามฮึดสู้อีกครั้ง ตอนนั้นเจ๊นุชอายุ 30 ปี ได้เจอกับแม่ตั๊กไลฟ์สดขายทองที่ไม่ได้ขายทองอย่างเดียว เขาพูดให้กำลังใจคน เล่าเรื่องราวชีวิตเมื่อชีวิตเขาเคยล้มละลายมาก่อน แต่ชีวิตก็สามารถดีดตัวขึ้นมาได้ ทำให้เจ๊นุชเชื่อว่า หากชีวิตเราพยายามทำงานหนักแค่ไหน ยังไงก็ต้องมีผลตอบแทน เจ๊นุชเริ่มหัดไลฟ์สดเริ่มจากการขายทุกอย่าง แต่คนดูก็มีไม่ถึง 10 คน ไลฟ์ตั้งแต่เช้าจนฟ้ามืดก็ขายไม่ได้สักอย่าง แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่สามีของเขาได้มาดูไลฟ์สด ทำให้เจ๊นุชถามสามีว่า “พร้อมที่จะสู้ไปกับฉันไหม?” สามีตอบกลับมาโดยไม่ลังเลว่า “พร้อม” ทั้งสองก็มาช่วยสู้ด้วยกัน ล้มบ้าง ลงทุนไม่ถูกที่บ้าง
ด้วยความที่เจ๊นุชเป็นห่วงครอบครัว ไม่อยากให้ครอบครัวต้องมาลำบากเพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาดของตัวเอง ความห่วงที่ว่า ได้กลายเป็นการตัดสินใจขอสามีหย่า เจ๊นุชไม่ได้มีคนอื่น มีแต่ความเป็นห่วงครอบครัวทั้งนั้น เจ๊นุชขอให้เลี้ยงดูลูกดี ๆ ด้วยความที่สามีเป็นครูก็สามารถหาเลี้ยงลูกได้ดีกว่าคนที่มีหนี้ท่วมตัวอยู่แล้ว ความอับอาย คำดูถูก การที่ต้องออกมาอยู่คนเดียว ความเสียใจที่ทำให้แม่ต้องร้องไห้เมื่อแม่ต้องไปกู้ยืมเงินเจ้านายมาใช้หนี้บัตรเครดิตบางใบที่ยังมีหนี้อยู่ สิ่งเหล่านี้กลายเป็นเหมือนระเบิดหลาย ๆ ลูกรวมเข้าด้วยกันและพร้อมที่จะระเบิดอยู่ตลอดเวลา จนเจ๊นุชมีความคิดที่จะจบชีวิตตัวเอง…
แต่อะไรบางอย่างก็ได้มาจุดประกายความหวังให้กับเจ๊นุชได้พยายามฮึดสู้อีกครั้ง ตอนนั้นเจ๊นุชอายุ 30 ปี ได้เจอกับแม่ตั๊กไลฟ์สดขายทองที่ไม่ได้ขายทองอย่างเดียว เขาพูดให้กำลังใจคน เล่าเรื่องราวชีวิตเมื่อชีวิตเขาเคยล้มละลายมาก่อน แต่ชีวิตก็สามารถดีดตัวขึ้นมาได้ ทำให้เจ๊นุชเชื่อว่า หากชีวิตเราพยายามทำงานหนักแค่ไหน ยังไงก็ต้องมีผลตอบแทน เจ๊นุชเริ่มหัดไลฟ์สดเริ่มจากการขายทุกอย่าง แต่คนดูก็มีไม่ถึง 10 คน ไลฟ์ตั้งแต่เช้าจนฟ้ามืดก็ขายไม่ได้สักอย่าง แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่สามีของเขาได้มาดูไลฟ์สด ทำให้เจ๊นุชถามสามีว่า “พร้อมที่จะสู้ไปกับฉันไหม?” สามีตอบกลับมาโดยไม่ลังเลว่า “พร้อม” ทั้งสองก็มาช่วยสู้ด้วยกัน ล้มบ้าง ลงทุนไม่ถูกที่บ้าง
จุดเปลี่ยนก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อคุณตั๊กมาเห็นไลฟ์ของเจ๊นุชซึ่งดูขยัน ไหนจะทำงานด้วย ไหนจะเป็นแม่ค้าออนไลน์ด้วย คุณตั๊กเลยชวนเจ๊นุชเข้าไปที่บ้าน ให้กำลังใจและให้สินค้าไปขายเป็นยาลดน้ำหนัก อาหารเสริมโดยที่ไม่เอาเงินจากเจ๊นุชเลยสักบาท ประสบการณ์ครั้งนี้ก็ได้เปลี่ยนเป็นแรงฮึดสู้อีกครั้ง หลังจากที่ออกมาจากบ้านแม่ตั๊ก เมื่อถึงบ้านก็ไลฟ์สดทันที แม่ตั๊กแชร์ออกไปด้วย คนเข้ามาดู 600-700 คน
แน่นอนว่าตัวเลขนี้จะกลายเป็นตัวเลขชั่วคราวถ้าเจ๊นุชไม่มีเอกลักษณ์ ไม่มีทักษะการขายที่ดี ตอนนั้นขายกางเกงในเก็บพุงจากแม่ตั๊ก เจ๊นุชเลยโชว์พุงตัวเอง เต้นโชว์พร้อมกับให้ดูคุณสมบัติในการเก็บพุงของกางเกงในนั้น ปรากฏว่าขายได้ เจ๊นุชเลยบอกกับตัวเองว่าจะไม่เป็นหนี้แล้ว
แน่นอนว่าตัวเลขนี้จะกลายเป็นตัวเลขชั่วคราวถ้าเจ๊นุชไม่มีเอกลักษณ์ ไม่มีทักษะการขายที่ดี ตอนนั้นขายกางเกงในเก็บพุงจากแม่ตั๊ก เจ๊นุชเลยโชว์พุงตัวเอง เต้นโชว์พร้อมกับให้ดูคุณสมบัติในการเก็บพุงของกางเกงในนั้น ปรากฏว่าขายได้ เจ๊นุชเลยบอกกับตัวเองว่าจะไม่เป็นหนี้แล้ว
ปัจจุบัน เจ๊นุชอายุ 38 ปี ใช้หนี้หมดแล้ว และสามารถสร้างตัวตนได้ด้วยการขายโปรตีนเสริม ปีที่แล้วมียอดขายกว่า 100 ล้านบาท ยอดคนดูในไลฟ์มากสุด 2 หมื่นคน ยอดขายมากสุดจากการไลฟ์สูงถึง 1.2 ล้านบาท
จากตัวอย่างความสำเร็จของ “เจ๊นุช สาวบางเตย” นี้ ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า ไม่ว่าชีวิตเราจะลำบากลำบนแค่ไหน ต้องเกิดมาในพื้นหลังที่ไม่สวยเหมือนใคร หากเรามีความพยายาม มีความอดทนและไม่ย่อท้อ เราก็สามารถเปลี่ยนหยาดเหงื่อให้กลายเป็นความสำเร็จได้
จากตัวอย่างความสำเร็จของ “เจ๊นุช สาวบางเตย” นี้ ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า ไม่ว่าชีวิตเราจะลำบากลำบนแค่ไหน ต้องเกิดมาในพื้นหลังที่ไม่สวยเหมือนใคร หากเรามีความพยายาม มีความอดทนและไม่ย่อท้อ เราก็สามารถเปลี่ยนหยาดเหงื่อให้กลายเป็นความสำเร็จได้
ข้อมูลอ้างอิง :
https://bit.ly/3RkB2dR
https://bit.ly/3HKKHHq
https://www.facebook.com/JnuchBangToey
ขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.facebook.com/JnuchBangToey/photos
https://bit.ly/3RkB2dR
https://bit.ly/3HKKHHq
https://www.facebook.com/JnuchBangToey
ขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.facebook.com/JnuchBangToey/photos